จะสอบ GED หรือ GCE “A” Level เทียบวุฒิม.ปลายดีนะ

นักเรียนที่ต้องการจะเข้ามหาวิทยาลัย โดยใช้วุฒิเทียบเท่าการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายอินเตอร์ คงจะเคยได้ยินชื่อการสอบ GED, IGCSE, A-LEVEL, IB และอีกมากมาย สำหรับวุฒิการศึกษาเทียบเท่าที่เป็นที่นิยมหลัก ๆ ในประเทศไทย คือ ระบบอังกฤษ (IGCSE, A-LEVEL) และระบบอเมริกัน (GED) ซึ่งมีจุดเด่น จุดด้อย แตกต่างกันไป เรามาทำความรู้จักกับการสอบทั้งสองระบบ และปัจจัยที่ควรพิจารณาเพื่อเลือกสอบวุฒิที่เหมาะสมกับเป้าหมายของเราค่ะ

สอบ GED

สอบ GED คือ การสอบเทียบวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายในระบบอเมริกัน หรือ US High School Equivalency Diploma จัดการสอบโดย GED Testing Service, USA โดยผู้สอบจะต้องมีอายุอย่างน้อย 16 ปีขึ้นไป และต้องได้รับคำยินยอมจากผู้ปกครอง แต่หากอายุครบ 18 ปีขึ้นไป สามารถสมัครสอบได้เลยที่เว็บไซต์ www.ged.com

การสอบ GED นั้นจะมีทั้งหมด 4 วิชา ดังนี้

  1. Reasoning Through Language Arts (RLA)
  2. Mathematical Reasoning
  3. Social Studies
  4. Science

โดยก่อนจะสอบจริงนั้น นักเรียนจะต้องผ่านการสอบ GED Ready ซึ่งเป็นการทดสอบเสมือนจริงแบบฉบับย่อ และต้องสอบแต่ละวิชาให้ได้ 155 คะแนน จากคะแนนเต็ม 200 คะแนน จึงจะมีสิทธิสอบจริงในวิชานั้น ๆ ได้ ค่าสอบ GED Ready วิชาละ 6 USD หรือประมาณไม่เกิน 200 บาท สามารถสอบได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เหมือนเป็นการฝึกฝนเพื่อให้นักเรียนมีความพร้อมที่สุดก่อนไปสอบจริง ซึ่งใบรายงานผลสอบ GED Ready จะประเมินจุดแข็ง จุดอ่อน เพื่อให้ไปศึกษาเพิ่มเติมอีกด้วย

ค่าสอบ GED วิชาละ 75 USD หรือประมาณ 2,000 – 2,400 บาท ทั้งนี้ นักเรียนสามารถทยอยสอบทีละวิชาตามที่นักเรียนพร้อมได้ ข้อสอบ GED แต่ละวิชามีคะแนนเต็ม 200 คะแนน ซึ่งนักเรียนจะต้องทำคะแนนให้ได้อย่างน้อย 145 คะแนนต่อวิชา จึงจะถือว่าสอบผ่าน หากนักเรียนสอบไม่ผ่าน ก็สามารถสมัครสอบใหม่ได้ทันที แต่หากสอบไป 3 ครั้งแล้วยังไม่ผ่าน จะต้องรออย่างน้อย 60 วัน จึงจะสมัครสอบใหม่ได้

การสอบ GED เป็นการสอบโดยใช้คอมพิวเตอร์ ในประเทศไทยมีศูนย์สอบ GED ในกรุงเทพฯ 3 แห่ง และในต่างจังหวัดอีก 3 แห่ง มีการจัดสอบทุกวัน โดยนักเรียนสามารถเลือกวันและเวลาที่สะดวก และสามารถเปลี่ยนแปลงวันและเวลาสอบเองได้ในระบบ

สำหรับผลสอบ GED นั้น นักเรียนสามารถทราบผลสอบได้ทันทีหลังสอบเสร็จ และหากสอบผ่านครบทั้ง 4 วิชา จะได้รับ E-Diploma และ E-Transcript ทางอีเมล ภายใน 1 สัปดาห์ หรือสามารถสั่งเป็นแบบเอกสารได้โดยมีค่าใช้จ่าย

สอบ IGCSE / A-LEVEL

IGCSE คือ หลักสูตรการศึกษาจากประเทศอังกฤษที่สอบเทียบวุฒิการศึกษาเทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 4 หรือเรียกชื่อเต็มว่า International General Certificate of Secondary Educational ซึ่งหลักสูตรนี้สามารถศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น A-LEVEL, AS, IB เพื่อสามารถศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ ปกติแล้วประเทศไทยจะสอบ IGCSE ในระบบการศึกษาของโรงเรียนนานาชาติที่ใช้ระบบการเรียนการสอบแบบอังกฤษ หรือนักเรียนคนไหนที่สนใจอยากจะสมัครสอบ IGCSE สามารถไปสมัครสอบได้ที่ British Council และ Harrow International School

สอบ IGCSE

การสอบ IGCSE จะต้องเลือกวิชาสอบจำนวน 5 วิชา โดยที่ IGCSE นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 วิชา ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกวิชาที่ถนัดได้ เนื้อหาในการสอบในแต่ละวิชาจะมีระดับความยากและง่ายที่แตกต่างกันไป ดังนั้นหลักสูตร IGCSE จะมี 2 ระดับดังนี้

  1. ระดับแรก Core (ระดับพื้นฐาน): ระดับนี้จะใช้เวลาน้อยกว่าและมีจำนวนข้อน้อยกว่าระดับ Extended เกรดของระดับพื้นฐานมีดังนี้ C, D, E, F, G
  1. ระดับสอง Extended (ระดับขั้นสูง): การสอบระดับนี้นักเรียนจะได้เกรดที่สูงกว่าระดับพื้นฐาน เกรดของระดับสูงมีดังนี้ A*, A, B, C, D, E

หลักสูตร IGCSE มีวิชาทั้งหมด 70 วิชา ซึ่งจะมีการแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มวิชาดังนี้

  1. กลุ่มวิชาทักษะภาษาอังกฤษ
  2. กลุ่มวิชาทักษะวิชาชีพ
  3. กลุ่มวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศึกษาศาสตร์
  4. กลุ่มวิชาภาษาศาสตร์
  5. กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์
  6. กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์

ค่าสมัครสอบของ IGCSE ราคาอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 8,000 บาทต่อวิชา (ซึ่งจะขึ้นอยู่แต่ละวิชาที่นักเรียกเลือกสอบ) รอบจัดสอบจะจัดปีละ 2 ครั้งเท่านั้น คือในช่วงดือนพฤษภาคม – มิถุนายน และในช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน เมื่อนักเรียนเลือกวันและเวลาสอบเรียบร้อยแล้วนักเรียนจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเวลาสอบได้อีก และนักเรียนจะทราบผลสอบในช่วงเดือนสิงหาคมและเดือนมกราคมค่ะ

สอบ A-LEVEL

*ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป นักเรียนที่สอบหลักสูตร IGCSE จะต้องสอบ A-LEVEL อีก 3 วิชาด้วย เพื่อที่นักเรียนจะสามารถนำผลไปเทียบกับวุฒิระดับมัธยมศึกษาตอนปลายนั่นเอง เมื่อนักเรียนทราบแล้วว่าหลักสูตร IGCSE นั้นจะต้องมีการสอบ A-LEVEL เพิ่มด้วย ซึ่งจะมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ

A-LEVEL คือที่ต้องต่อยอดจากหลักสูตร IGCSE ซึ่ง A-LEVEL จะมีเนื้อหาเชิงลึกและประยุกต์ให้เข้มข้นมากขึ้น หลักสูตรนี้มีไว้สำหรับเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยจะมีระยะในการศึกษา 2 ปี โดยมีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

  1. AS Examination: คือการเรียนในช่วง Year 12
  2. A2 Examination: คือการเรียนในช่วง Year 13

หากนักเรียนที่เลือกเรียนเฉพาะ AS Examination จะได้ Credit กึ่งหนึ่งของ A-LEVEL เท่านั้น โดยที่นักเรียนส่วนมากนั้นจะเลือกเรียน AS 3-4 วิชาและเรียน A2 3 วิชา เพราะเนื่องจากมหาวิทยาลัยในประเทศและต่างประเทศส่วนมากจะต้องการผลสอบ A2 3 วิชาเป็นอย่างต่ำ ดังนั้นการที่นักเรียนจะสอบผ่านในหลักสูตร A-LEVEL นั้นนักเรียนจะต้องนำผลการศึกษาที่สอบผ่านทั้ง 3 วิชารวมกับผลสอบ IGCSE อีก 5 วิชา ไปขอเทียบวุฒิการศึกษา จึงจะสามารถยื่นสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยระดับปริญญาตรีได้

วิชาหลักสูตร A-LEVEL จะมีทั้งหมด 50 วิชา ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกเรียน 3-4 วิชาต่อปีได้ โดยที่นักเรียนสามารถเลือกเรียนตามเป้าหมายที่ตัวเองตั้งใจที่จะเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ค่าใช้จ่ายสำหรับการสมัครสอบของ A-LEVEL จะอยู่ที่ประมาณ 6,000 – 9,000 บาทต่อวิชา ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับวิชาที่นักเรียนเลือกสอบค่ะ

มาถึงในส่วนที่เป็นการสรุปกันนะคะว่าการสอบ GED และ IGCSE / A-LEVEL อันไหนเหมาะกับนักเรียนมากกว่ากัน?

การสอบ GED เหมาะกับเราไหม?

  • ประหยัดเวลาเพราะใช้เวลาในการอ่านหนังสือหรือเตรียมตัวในการสอบไม่นาน
  • เปิดรับสมัครสอบบ่อย ไม่มีจำกัดรอบเหมือน IGCSE
  • นักเรียนสามารถเลือกวิชาสอบก่อน-หลังได้เอง
  • เนื้อหาในการสอบจะฝึกทักษะนักเรียนในด้านคิดวิเคราะห์ การอ่าน การตีความในบทความ หรือการให้เหตุผล
  • ค่าสอบต่อรายวิชาจะมีราคาที่ถูกกว่าสอบ IGCSE / A-LEVEL
  • สามารถรู้ผลสอบทันทีหลังการสอบเสร็จ
  • นักเรียนจะได้รับโอกาสในการเข้าคณะและมหาวิทยาลัยตามที่นักเรียนต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศ

การสอบ IGCSE / A-LEVEL เหมาะกับเราไหม?

  • นักเรียนสามารถเลือกวิชาสอบที่ตนเองสนใจและถนัดเองได้
  • เนื้อหาในการสอบเป็นแบบเชิงลึกและสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เพราะเนื้อหาของหลักสูตรนี้จะเทียบเท่ากับเนื้อหาในมหาวิทยาลัยปีที่ 1 หรือ 2
  • เนื้อหาในการสอบจะเน้นทั้งด้านทฤษฎี ปฏิบัติ และการคิดวิเคราะห์
  • การที่นักเรียนสอบหลักสูตร IGCSE / A-LEVEL ผ่านเรียบร้อยแล้ว นักเรียนจะได้ทั้งคุณภาพทางด้านวิชาการซึ่งสอดคล้องกับคณะที่นักเรียนต้องการจะเข้ามากกว่า GED
  • นักเรียนจะได้รับโอกาสในการเข้าคณะและมหาวิทยาลัยตามที่นักเรียนต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะสายด้านการแพทย์

เมื่อเราทราบแล้วว่าการสอบ GED กับสอบ IGCSE / A-LEVEL ต่างกันอย่างไร และการสอบหลักสูตรไหนเหมาะกับนักเรียน JointEducation ก็ขอให้กำลังใจนักเรียนทุกคนให้สามารถไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตัวเองตั้งเอาไว้นะคะ หากนักเรียนคนไหนยังไม่แน่ใจว่าตัวเองควรเรียนหลักสูตรอะไร? หรือไม่มั่นใจในการเตรียมสอบของตัวเอง ทางสถาบันก็มีทีมอาจารย์ที่มีประสบการณ์ สามารถปรับพื้นฐานรวมถึงแนะนำเทคนิคได้นะ

สนใจเรียนคอร์ส GED หรือ IGCSE/ A-LEVEL สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่

https://jointedu.net/ged/  |  https://jointedu.net/igcse/