CU-TEP กับ IELTS แตกต่างกันอย่างไร

 เมื่อกล่าวถึงหลักสูตรอินเตอร์ในระดับมหาวิทยาลัยของประเทศไทย แน่นอนว่าคะแนนภาษาอังกฤษของผู้สมัครจะถูกนำมาพิจารณาเป็นลำดับต้นๆ ข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่มักใช้ในประเทศไทยมีอยู่หลากหลายรูปแบบทั้ง IELTS, TOEFL, CU-TEP, TU-GET, และ SAT เป็นต้น ซึ่งแต่ละข้อสอบก็จะมีวัตถุประสงค์รวมถึงลักษณะเนื้อหาที่แตกต่างกันออกไป

เพื่อให้น้องๆ เห็นภาพมากขึ้น ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้น้องๆสามารถวางแผนเลือกสอบในข้อสอบที่ตนเองถนัด และอัพคะแนนเพื่อนำไปยื่นคณะในฝันของน้องๆ ได้เลย มาดูกันเลย

CU-TEP (CHULALONGKORN UNIVERSITY TEST OF ENGLISH PROFICIENCY)

         เป็นข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ออกโดย สถาบันภาษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งส่วนใหญ่คะแนนของ CU-TEP มักจะใช้ยื่นเพื่อเข้าศึกษาในภาคอินเตอร์ระดับปริญญาตรีและเพื่อเข้าศึกษาในระดับปริญญาโทของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้อาจมีบางมหาวิทยาลัยที่รับพิจารณาคะแนน CU-TEP ในการเข้าศึกษาต่อภาคอินเตอร์ เช่น แพทยศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น, แพทยศาสตร์ ม. เชียงใหม่, และ วิศวกรรมศาสตร์อินเตอร์ของ ม.ธรรมศาสตร์ และ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นต้น  สำหรับเกณฑ์การยื่นคะแนนของแต่ละคณะก็จะแตกต่างกันไปตามประกาศของคณะนั้นๆ

IELTS (INTERNATIONAL ENGLISH LANGUAGE TESTING SYSTEM)

         เป็นข้อสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษภายใต้การร่วมมือกันของ 3องค์กรได้แก่ IELTS Australia, British Council, และ Cambridge English Language Assessment จึงนับว่าเป็นการทดสอบที่ตรงตามมาตรฐานสากล ทำให้ผลสอบ IELTS เป็นที่ยอมรับจากองค์กรกว่า 10,000 แห่ง ทั่วโลก ครอบคลุมทั้งองค์กรภาครัฐ สถานศึกษา และสถาบันชั้นนำใน 140 ประเทศ เช่น ประเทศไทย ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา จึงไม่แปลกใจที่ คะแนน IELTS จึงสามารถใช้ยื่นเพื่อศึกษาต่อได้ในทุกภาคอินเตอร์ในระดับมหาวิทยาลัยของไทย

CU-TEP และ IELTS เปิดรอบสอบทุกเดือนเหมือนกัน แต่ CU-TEP จะจัดสอบเดือนละ 1-3ครั้ง และจะเปิดรอบสอบ CU-TEP Speaking เดือนละ 1ครั้งเท่านั้น ส่วน IELTS จะจัดสอบเดือนละ 4ครั้ง

สำหรับการรับผลสอบCU-TEP ผู้สอบจะรู้ผลสอบประมาณ 2สัปดาห์หลังจากการสอบผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ ส่วน IELTS ผู้สอบสามารถเช็คผลออนไลน์ได้หลังจากวันสอบ 13 วัน เวลาประมาณ 15.00 – 16.00 น. เป็นต้นไป และผลสอบจะอยู่ในระบบเป็นระยะเวลา 28 วัน และ official result จะถูกจัดส่งมาที่อยู่ที่เรากรอกไว้

ทั้งนี้ ผู้สอบสามารถเช็คปฏิทินการจัดสอบของ CU-TEP และ IELTSได้ในลิงค์ด้านล่างนี้เลย

  1. ปฏิทินสอบ CU-TEP (ปรากฏในแถบด้านซ้ายมือของเว็บไซต์)

http://www.atc.chula.ac.th/index2.html

  1. ตารางสอบIELTS จัดโดย IDP

https://www.ielts.idp.co.th/seat_th.aspx

  1. ตารางสอบ IELTS จัดโดย British Council

https://www.britishcouncil.or.th/exam/ielts/dates-fees-locations

สำหรับสถานที่สอบของ CU-TEP และ IELTS ผู้สมัครสอบสามารถตรวจสอบสถานที่, วัน, และเวลาการสอบได้จากเว็บไซต์ทางการข้างต้น โดยสถานที่สอบของ CU-TEP จะมีความหลากหลายกว่าเพื่อความสะดวกของผู้สมัครสอบในแต่ละภูมิภาค สนามสอบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ CU-TEP คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั่นเอง

ส่วน IELTS สถานที่สอบจะขึ้นอยู่กับสถาบันที่ผู้สมัครเลือกมีทั้ง IDP และ British Council ผู้สมัครสอบจึงต้องติดตามสนามสอบตามเว็บไซต์ข้างต้นได้ด้วยตนเอง

สำหรับการค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบ CU-TEP ที่ครอบคลุมทักษะ Listening, Reading และ Writing  มีราคาทั้งสิ้น 900บาท แต่หากผู้สมัครสอบจำเป็นต้องใช้คะแนน CU-TEP Speaking เพื่อนำไปยื่นเข้าบางคณะของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเช่น BBA, EBA, JIPP, แพทยศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์ ค่าสมัครสอบจะอยู่ที่ราคา 2,900 บาท การสมัครสอบของ CU-TEP ผู้สมัครสอบสามารถสมัครออนไลน์ได้ผ่านเว็บไซต์ข้างต้น ในหัวข้อ “ระบบลงทะเบียนออนไลน์” เมื่อข้อมูลที่กรอกได้รับการยืนยันแล้ว ผู้สมัครสอบสามารถชำระเงินการสอบ โดยมีวิธีดังนี้

  1. ชำระเงินผ่านทางเคาน์เตอร์ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารทหารไทย โดยพิมพ์ใบชำระเงินจากระบบการสมัคร และนำใบชำระเงินไปยื่นกับทางเคาน์เตอร์ธนาคาร เพื่อทำการชำระเงิน (สามารถชำระเงินได้ภายในเวลาทำการของธนาคารภายในวันสุดท้ายของการสมัครสอบ) หรือ ชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส
  2. ชำระเงินผ่าน ATM โดยชำระผ่านตู้ ATM โดยเลือกเมนูชำระสินค้าและบริการ ทำการใส่ Ref 1 และ Ref 2 ตามที่ระบุไว้ในใบชำระเงินที่พิมพ์ออกมาจากระบบ (สามารถชำระเงินภายในเวลา 00 น. ของวันสุดท้ายของการสมัครสอบ ถ้าหากชำระเงินเกินตามเวลาที่กำหนด ทางระบบจะปรับยอดเป็นวันถัดไป ซึ่งถือว่าเกินตามระยะเวลาการชำระเงิน จะถือว่าผู้สมัครได้ชำระเงินเกินกำหนดระยะเวลาการสมัครสอบ ) สามารถพิมพ์ใบชำระเงินได้ภายในเวลา 17.00 น.ของวันสุดท้ายของการสมัคร

* ผู้สมัครสามารถตรวจสอบสถานะการชำระเงินของตนเองได้ ภายใน 3 วันทำการ หลังจากทำการชำระเงิน

* หากผู้สมัครไม่ได้ชำระเงินภายในเวลาที่กำหนด จะไม่สามารถชำระเงินย้อนหลังได้ และต้องรอสมัครใหม่ในรอบต่อไป

สำหรับค่าสมัครสอบ IELTS จะอิงตามมาตรฐานสากล ดังนั้นทั้งสถาบันจัดสอบ IDP และ British Council จะราคาเท่ากัน ปัจจุบันอยู่ที่ 6,900 บาท โดยผู้สมัครสอบสามารถสมัครสอบและชำระเงินได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้

  1. ลิงค์การสมัครสอบ IELTS แบบออนไลน์และวิธีการชำระเงินของสถาบัน IDP

https://www.ielts.idp.co.th/online_regist_th.aspx

  1. ลิงค์การสมัครสอบ IELTS ทั้งแบบกระดาษ แบบคอมพิวเตอร์ และวิธีการชำระเงินของสถาบัน British Council

https://www.britishcouncil.or.th/exam/ielts/dates-fees-locations

ภาพรวมของข้อสอบ CU-TEP ทั่วไป และ IELTS ต่างกันที่จำนวนทักษะที่ปรากฏในข้อสอบ  กล่าวคือ ตัวข้อสอบ CU-TEP ที่นิยมสอบกันโดยทั่วไปจะประกอบด้วย 3ทักษะ ได้แก่ Listening, Reading, และ Writing นอกจากว่าผู้สมัครสอบต้องใช้คะแนน Speakingด้วย จึงจะเป็นทักษะที่สอบเพิ่มเติมขึ้นมา ส่วนข้อสอบ IELTS จะวัดระดับภาษาอังกฤษของผู้สมัครสอบครบทั้ง 4ทักษะ ได้แก่ Listening, Reading, Writing, และ Speaking

ความแตกต่างที่ชัดเจนอีกอย่างหนึ่งระหว่างข้อสอบ CU-TEP และ IELTS ก็คือ จำนวนข้อ และระยะเวลาในการทำข้อสอบดังรูปภาพประกอบ อย่างไรก็ตามความท้าทายที่ผู้เข้าสอบต้องเจอเหมือนกันทั้งในการสอบ CU-TEP และ IELTS ก็คือเรื่องการบริหารเวลาทำข้อสอบให้ทันโดยเฉพาะในพาร์ท Reading ดังนั้น ผู้เข้าสอบจะต้องแบ่งเวลาทำข้อสอบดีๆเพื่อไม้ให้เสียโอกาสในการทำคะแนน

  • ข้อสอบ CU-TEP ที่ผู้สมัครทั่วไปสอบจะปรกอบด้วย 3 ทักษะ ได้แก่ Listening, Reading, และ Writing
    1. ข้อสอบ LISTENING มีจำนวน 30ข้อ ระยะเวลาการทำ 30นาที แบ่งออกเป็น 3ส่วน ได้แก่
    • บทสนทนาสั้นระหว่างผู้พูด 2คน จำนวน 15ข้อ
    • บทสนทนาที่ผู้พูดโต้ตอบกันความยาวประมาณ 10-20 exchanges จำนวน 3บท บทละ 3ข้อ รวมเป็นทั้งหมด 9ข้อ
    • บทพูดคนเดียว (Monologue) ที่มีความยาวประมาณ 200-250คำ จำนวน 2 บท บทละ 3ข้อ รวมเป็น 6ข้อ

    สำหรับการสอบ Listening ผู้สอบจะได้ยินบทสนทนาแต่ละบทเพียงครั้งเดียว และหลังบทสนทนาผู้สอบจะได้ยินคำถามเพียงครั้งเดียวเช่นกัน เมื่อคำถามแต่ละข้อจบลง ผู้สอบต้องตอบคำถามโดยการเลือกจากตัวเลือก 1,2,3, หรือ 4

    1. ข้อสอบ READING มีจำนวน 60ข้อ ระยะเวลาการทำ 70นาที แบ่งข้อสอบออกเป็น 3ลักษณะ ได้แก่
    • Cloze reading เป็นบทความภาษาอังกฤษ ที่มีการเว้นช่องว่าง 15ช่อง 15ข้อ 15คะแนนผู้สอบต้องเลือกคำตอบจากตัวเลือก 1,2,3, หรือ 4 ให้บทความสมบูรณ์ถูกต้องทั้งด้านเนื้อหาและไวยากรณ์
    • บทความสั้น เป็นบทความสั้นประมาณ 1ย่อหน้าหรือประมาณครึ่งหน้า A4 มักเป็นรูปแบบจดหมาย และมีคำถามแบบปรนัยจำนวน 5ข้อ
    • บทความยาว เป็นบทความที่มีความยาวประมาณ 1หน้า A4 จำนวน 4บทความ โดยมีคำคามจาก 4บทความรวมทั้งสิ้น 40ข้อ

    *ด้วยจำนวนข้อถึง 60ข้อ ภายใน70นาที ทำให้ผู้สอบมีเวลาเฉลี่ยต่อข้ออยู่เพียงข้อละ 1นาทีเศษ ผู้สอบจึงควรบริหารเวลาในการทำข้อสอบให้มีประสิทธิภาพที่สุด

    1. ข้อสอบ WRITING มีจำนวน 30ข้อ ระยะเวลาในการทำข้อสอบ 30นาที เฉลี่ยข้อละ 1นาทีเท่านั้น
    • ข้อสอบส่วนนี้จะออกมาในรูปแบบของ Error Identification เพื่อวัดความรู้ทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของผู้เข้าสอบโดยเฉพาะ เป็นข้อสอบปรนัยแบบเลือกจากตัวเลือก 1,2,3, หรือ 4 เช่นกัน

     

IELTS เป็นข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ครอบคลุมครบทั้ง 4ทักษะคือ Listening, Reading, Writing, และ Speaking ทั้งนี้ ข้อสอบ IELTS มีรูปแบบคำถามที่แตกต่างจาก CU-TEP โดยสิ้นเชิง กล่าวคือ ข้อสอบ CU-TEP จะเป็นปรนัยแบบเลือกคำตอบจากตัวเลือกทั้งหมดทั้ง 120ข้อ ในขณะที่ข้อสอบ IELTS คำถามจะมีหลากหลายรูปแบบมากทั้ง ปรนัย, จับคู่, แผนที่, แผนภาพ, การเติมคำในช่องว่างหรือในตาราง, การเติมประโยค, และการตอบคำถามแบบสั้น

  1. LISTENING จำนวน 40ข้อ ระยะเวลาในการทำข้อสอบ 30นาที
  • ข้อสอบ Listening แบ่งออกเป็น 4 ตอน ได้แก่ Conversation, Talk, Discussion, และ Academic lecture แต่ละตอนมีจำนวน 10คำถาม 2ตอนแรกจะเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันและสังคม ส่วนอีก 2ตอนจะเกี่ยวกับวิชาการหรือการศึกษา
  • ผู้สอบจะได้ฟังบทสนทนา บทพูด รวมทั้งการออกเสียงทั้งหมดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
  • ช่วงท้ายจะมีเวลาให้คัดลอกคำตอบและตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบใน Answer sheet อีก 10นาที
  1. READING จำนวน 40ข้อ ระยะเวลาในการทำข้อสอบ 60นาที เฉลี่ยข้อละ5นาที
  • มีทั้งหมด 3บทความ ที่มักเป็นเรื่องทั่วไปที่ดัดแปลงจากวารสาร, หนังสือ, นิตยาสาร และหนังสือพิมพ์
  • คำถามมีหลากหลายรูปแบบเช่นเดียวกับ Listening แต่จะมีส่วนที่ออกแน่นอนคือ True/ False/ Not Given และส่วนที่ออกบ่อยอย่างการถามความคิดเห็นผู้เขียนได้คือ Yes/ No/ Not Given
  • บางครั้งคำถามของ IELTS Reading ไม่เรียงตามเนื้อหาของบทความ
  1. WRITING
  • พาร์ทนี้มีทั้งหมด 2tasks หรือ 2บทความที่ผู้สอบต้องทำ โดยมีระยะเวลาในการสอบทั้งหมด 60นาที (รวมการทำทั้ง 2บทความ)
  • บทความแรกเป็นการบรรยายกราฟ, ตาราง, แผนภูมิ, แผนผัง, หรือแผนที่ เป็นต้น โดยต้องเขียนอย่างน้อย 150คำ
  • บทความที่สองเป็นการเขียนเรียงความอย่างเป็นทางการเช่น การแสดงความคิดเห็น, การแก้ปัญหา, การเปรียบเทียบ หรือการโต้แย้ง เป็นต้น โดยต้องเขียนอย่างน้อย 250 คำ
  • ควนบริหารเวลาให้ดี ร่างโครงไอเดียก่อนเริ่มเขียน
  • เขียนตอบแบบบรรทัดเว้นบรรทัด หากเขียนผิดไม่ต้องเสียเวลาลบ ขีดฆ่าแล้วเขียนแก้กำกับไว้ได้เลย
  • พยายามอย่าเขียนน้อยกว่าจำนวนที่กำหนดแต่ก็ไม่ควรเขียนเกินเยอะจนเกินไปเพราะจะทำให้ทำข้อสอบไม่ทัน
  1. SPEAKING
  • เป็นการสอบกับ Examiner แบ่งออกเป็น 3ส่วน ระยะเวลาในการสอบ 11-14นาที
  • ส่วนที่ 1 เป็นการพูดแนะนำตัวเองและตอบคำถามทั่วไปเกี่ยวกับตัวเอง เช่น Hometown and Family, Jobs, Studies เป็นต้น ใช้เวลาประมาณ 4-5นาที
  • ส่วนที่ 2 ผู้สอบจะได้บัตรคำถามโดยมีหัวข้อแตกต่างกันไปเช่น Food, Journey, Hobbies เป็นต้น ผู้สอบมีเวลา1นาทีในการเตรียมตัวและ 2นาทีในการตอบ จากนั้น Examinerจะถามคำถาม1-2ข้อเกี่ยวข้องกับหัวข้อที่เราพูด ส่วนนี้ใช้เวลาประมาณ 3-4 นาที
  • ส่วนที่ 3 เป็นการพูดโต้ตอบกับ Examiner ในหัวข้อที่ได้ในส่วนที่สอง แต่หัวข้ออาจมีระดับยากขึ้นมา เช่นมีการถามแบบความคิดเห็นหรือการถามเชิงคิดวิเคราะห์มากขึ้น ใช้เวลาประมาณ 4-5นาที
  • ควรพูดอย่างช้าๆชัดๆ และเป็นธรรมชาติเพื่อสร้างความประทับใจให้กับ Examiner

แน่นอนว่าทั้ง CU-TEP และ IELTS ไม่ใช่ข้อสอบภาษาอังกฤษที่น้องๆ จะพิชิตกันได้ชั่วข้ามคืนนะครับ น้องๆ ต้องผ่านการเรียนรู้ ฝึกฝน ทดลองทำ และปรับปรุงจากข้อผิดพลาด เพื่อเดินทางไปสู่คะแนนที่น้องๆ หวัง ปรึกษาคอร์สเพิ่มคะแนนกับทางพี่ๆ Jointeducation ได้เลย